Eth2 คืออะไร อะไรคือ Proof of Stake
หลังจากไม่ได้ติดตามเรื่อง Crypto มานาน ก็ไปเห็นข่าวเรื่อง Eth2 ค่อนข้างเยอะ ไอเราก็มี Ether อยู่จำนวนนึง ก็สงสัยว่ามันคืออะไร มันจะมีผลอะไรกับเราไหม เลยไปนั่งอ่านแล้วสรุปมาได้ดังนี้ครับ
ปัญหาของ Ethereum
Ethereum 1 นั้นทำงานแบบ Proof of Work (PoW) ในการตรวจสอบ (validate) และเก็บข้อมูล ในระบบ PoW นั้น ผู้ขุดเหมืองทั้งหลายช่วยกัน Generate Hash ใครที่สามารถ Generate Hash ได้ตรงตามเงื่อนไขของ Network ก็จะได้ Reward
ตัวอย่างเงื่อนไขในการขุดใน Bitcoin คือ hash ที่ออกมาต้องมี 0 นำหน้าจำนวนกี่ตัว ยิ่งเยอะก็ยิ่งยาก ซึ่งความปลอดภัยมาจากการปรับเงื่อนไขตัวนี้ ยิ่งมีคนขุดเยอะ ก็ยิ่งเงื่อนไขยาก ยิ่งเงื่อนไขยาก ก็ยากที่ปลอม Block
ปัญหาคือมัน Scale ไม่ดี ตอนนี้ Eth 1 สามารถ process ได้แค่ประมาณ 10 transactions per second ซึ่งน้อยมากๆ โดยเฉพาะเมื่อมีคนใช้งานเยอะขึ้นเรื่อยๆ
อีกหนึ่งประเด็นก็คือ Gas price หรือค่าที่เราต้องจ่ายเวลาจะทำ Transaction ก็แพงขึ้นเพราะ Demand/Supply คนที่ขุด มีไม่พอ Demand ของคุณใช้เหรียญ แค่ทำ Transaction ง่ายๆ เช่นโอนเหรียญใน Eth ตอนเขียนตอนนี้ก็ 150 บาทบวกๆแล้ว
ประเด็นอีกอย่างนึงที่สำคัญก็คือเรื่องการสิ้นเปลืองพลังงาน เนื่องจาก PoW นั้นเป็นเน้นจำนวนคุณขุด (miner) เป็นหลักในการ validate block ยิ่งมีการใช้งานมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งต้องมี miners มากขึ้น เมื่อราคาขึ้น คนก็สนใจ mining มากขึ้นอีก พลังงานจากคอมที่ใช้ในการขุดเหมืองตอนนี้ มีมากพอจะให้ Iceland ใช้ได้เลยทีเดียว
Proof of Stake คืออะไร
สิ่งที่ Eth2 พยายามจะแก้นั้น หลักๆคือ
- Scalability - ต้องสามารถ Validate Transaction ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมรองรับคนใช้งานที่เยอะกว่าปัจจุบัน (หลักพันหรือแสน Transaction ต่อวิ)
- Security
- Sustainable - ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน
ทางออกของทีมผู้พัฒนา Ethereum นั้นก็คือ เปลี่ยนจาก PoW มาเป็น Proof of Stake (PoS)
แทนที่จะให้ใครก็สามารถ Validate บล็อกได้ ก็ให้คนที่อยาก Validate เอาเหรียญที่ตนเองมีมาค้ำเผื่อที่จะสามารถทำตัวเป็น Validator
เมื่อมี Block ใหม่เกิดขึ้น ทุกคนจะได้เสียงโหวตว่าจะให้ Block นั้นเข้าไปอยู่ใน Network หรือไม่อยู่ แทนที่จะต้องมานั่ง Random nonce รัวๆและสิ้นเปลืองพลังงาน คนที่ทำตัวเป็น Validator ก็จะได้ Reward แบ่งๆกันไปตามจำนวน Validator ใน network (ยิ่งมีเยอะยิ่งได้น้อย)
คนที่ต้องการจะเป็น Validator จะต้องทำการวางเหรียญ (stake) อย่างน้อย 32 Eth (มูลค่าตอนนี้ก็ประมาณ 2 ล้านบาท) เพื่อเปิด Validator หากคุณพยายามจะโกงก็จะโดนหักตรงนี้ไป หรือถ้า Node คุณ offline คุณก็โดนลงโทษและหักออกจากก้อนนี้ไปเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าสมมุติคุณมีเงินเยอะมาก แล้วเปิด Validator หลายๆตัวแล้วโกงละ? เป็นไปได้ไหม ก็เป็นไปได้ แต่คุณต้องมีเงินมากกว่า 51% ของเงินที่ Stake ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้มีมากกว่า 3 ล้าน ETH แล้ว หรือเกือบแสน validator เพราะฉะนั้นคุณจะต้องมีเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อโกง network ตอนนี้ (ณ ตอนเขียนยังเป็นแค่ phase 0; เดียวจะอธิบายต่อด้านล่าง ยังไม่ใช่ network หลักด้วยซ้ำนะ)
แต่ถ้าถามผมว่ามีโอกาสโดนโกงได้มั้ย มันก็ดูเป็นไปได้นะครับ เพราะว่าแทนที่จะต้องใช้เครื่องขุดเป็นกำลังในการโกง (Mining Power) ซึ่งก็หาได้ยากเพราะเป็นของจับต้องได้ ก็แค่ต้องใช้เงินในการโกง ซึ่งสามารถกู้ยืมได้อีก
ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เรามาถึง Eth2 เต็มตัวรึยัง?
ตอบสั้นๆว่ายัง การปล่อย Eth2 มีทั้งหมด 4 Phase (0, 1, 1.5, 2)
Phase 0 - คือเปิด Beacon Chain ซึ่งจะทำงานแบบ PoS แบบที่อธิบายไปด้านบน งานหลักๆของ Validator ใน Step นี้ก็คือการ Validate เงินที่ถูกโอนมาจาก Mainnet
Phase 1 - คือการเริ่มทำ Shard chain, คือแทนที่จะมี Blockchain ใหญ่ๆตัวเดียว ก็สามารถมี Chain ย่อยๆ เพื่อกระจายหน้าที่ แต่ใน Phase นี้ Shard แต่ละตัวจะยังไม่มีการทำ transaction หรือ smart contract จะเป็นแค่ถังเก็บข้อมูล
Phase 1.5 - เอา Mainnet มาเป็นอีกหนึ่ง shard ใน Beacon และเป็นจุดจบของ PoW ของ Ethereum
Phase 2 - เปิดให้ Shard สามารถ execute Smart Contract และ Features ต่างๆของ Eth2 ได้
ซึ่งเวลาที Rollout แต่ละ Phase นี้ยังไม่แน่นอน แต่ Phase 0 ได้ถูกปล่อยไปแล้วเมื่อปลายปี 2020
สิ่งที่จะออกมาก็สามารถถูกเปลี่ยนได้เรื่อยๆ เรามาคอยมาติดตามกันครับ ว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะมีคนสามารถโจมตี Eth2 สำเร็จไหม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับนักขุดเหมืองทั้งหลายเมื่อ Eth เปลี่ยนจาก PoW เป็น PoS หรือเหรียญ Eth2 จะกลายเป็นสิ่งที่คนไม่ใช้ไปเลย
ถ้าหากผมเขียนอธิบายอะไรผิดพลาดไป ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ และสามารถ Comment แก้ไขได้ด้านล่างเลยครับ